เพื่อป้องกันการกระทบต่อลูกค้าบนเซิร์ฟเวอร์ที่มีการใช้งานทรัพยากรร่วมของ เช่นบริการ Cloud Web Hosting เราจึงมีระบบ Limit Resource เพื่อป้องกันการ Overload

ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ของบริษัท A และ B อยู่บนคลาวด์โฮสติ้ง Node เดียวกัน เว็บบริษัท A และ B ใช้งานแพคเกจ Cloud Linux Hosting 10GB เช่นเดียวกัน
- บริษัท A ทำระบบฐานข้อมูลสต็กสินค้า มีพนักงานใช้งานฐานข้อมูลพร้อมกัน 1,000 คน
- บริษัท B เป็นเว็บไซต์เพื่อแสดง Profile บริษัทและสินค้า

จากตัวอย่างจะเห็นว่าจากการใช้งาน บริษัท A ต้องมีการใช้งานมากกว่า บริษัท B อย่างแน่นอน หากบริษัท A ใช้งานทรัพยากรของเซิร์ฟเวอร์สูงจนทำให้เกิดผลกระทบขึ้น ย่อมกระทบถึงการใช้งานของบริษัท B แน่นอน ดังนั้นระบบ Limit Resource นี้จะมาช่วยจัดการเว็บไซต์ของบริษัท A ไม่ให้ใช้งานทรัพยากรสูงจนเกิดผลกระทบต่อเว็บไซต์ของลูกค้าท่านอื่นบนเซิร์ฟเวอร์เดียวกัน บริษัท B จะไม่ล่ม ใช้งานได้ตามปกติ ส่วนบริษัท A นั้นจะถูกระงับการใช้งานโดยอัติโนมัติ และจะกลับมาใช้งานได้ใหม่อีกครั้ง เมื่อมีการใช้งาน Resource ลดลง

การใช้งาน Resource ทรัพยากรของเซิร์ฟเวอร์นั้นไม่ได้หมายถึงแค่ Bandwidth เท่านั้น แต่รวมถึงการใช้งาน RAM, CPU, Process, I/O ของ Harddisk หากนึกไม่ออก ลองคิดภาพถึงคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานอยู่ เมื่อมีการเปิดโปรแกรมหลาย ๆ โปรแกรม ย่อมมีการใช้งานทรัพยากรของคอมพิวเตอร์ไม่ใช่เพียงแค่แบนด์วิธด์เท่านั้น

ลูกค้าสามารถเข้าไปดูการใช้งาน Resource ได้ใน DirectAdmin เมนู Resource Usage









สรุป มีระบบนี้แล้วดีอย่างไร ?

  1. ไม่ล่ม ไม่มีเหตุการณ์ที่จะเว็บไซต์ที่ใช้งานสูง โหลดหนัก จะมาทำให้ระบบโดยรวมของเซิร์ฟเวอร์ล่มแน่นอน เว็บไซต์ของคุณจะทำงานได้ปกติ เพราะระบบของเราจะเข้าไปจัดการระงับเว็บไซต์เหล่านั้น
  2. เราจะรู้ว่าเว็บไซต์ใดใช้งานทรัพยากรสูง และแนะนำบริการที่ถูกต้องและเหมาะสมต่อการใช้งานจริง เช่น หากใช้ทรัพยากรสูง ไม่ควรใช้งานระบบที่มีการใช้งานแชร์ร่วมกับผู้อื่นและสร้างความเสียหาย ควรอัพเกรดใช้งาน VPS ที่รองรับการทำงานได้สูงและเป็นส่วนตัว
Was this answer helpful? 10 Users Found This Useful (11 Votes)